การยุบบริษัท

การยุบบริษัท              

เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ สำหรับประเทศไทยนั้น หากว่าบริษัทไม่สามารถนำมาซึ่งรายได้และผลกำไรที่เพียงพอหรือมีการขาดทุน ก็มีเหตุจำเป็นที่บริษัทต้องปิดกิจการและออกทะเบียนล้มเลิกบริษัท

สถานการณ์ที่คุณต้องทำการยุบบริษัทและชำระบัญชี

  1. เลิกโดยผลของกฎหมาย
  • กรณีข้อบังคับกำหนดเหตุเลิกไว้และเมื่อมีเหตุนั้นเกิดขึ้น
  • ตั้งบริษัทโดยกำหนดระยะเวลาไว้และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลานั้น
  • ตั้งบริษัทเพื่อทำกิจการอย่างหนึ่งอย่างใด และเมื่อทำกิจการนั้นเสร็จแล้ว
  • บริษัทล้มละลาย
  • นายทะเบียนขีดชื่อบริษัทออกจากทะเบียน (ถอนทะเบียนร้าง)
  1. โดยความประสงค์ของผู้ถือหุ้น
  • ผู้ถือหุ้นลงมติให้เลิกบริษัท
  1. เลิกโดยคำสั่งศาล เหตุที่ศาลจะสั่งเลิกบริษัท คือ
  • ทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัทหรือทำผิดในการประชุมตั้งบริษัท
  • บริษัทไม่เริ่มประกอบการภายใน 1 ปี นับแต่จะทะเบียนหรือหยุดทำการถึง1 ปี
  • การค้ามีแต่ขาดทุนและไม่มีหวังกลับฟื้นคืน
  • จำนวนผู้ถือหุ้นเหลือไม่ถึง 7 คน

 

เมื่อตกลงที่จะปิดกิจการแล้วอันดับแรกที่คุณควรให้ความสำคัญคือการเคลียร์พันธะภาระต่าง ๆ เช่นตรวจสอบว่าเรายังมีลูกหนี้การค้า หรือหนี้สินอื่น ๆ หรือไม่ พร้อมตรวจสอบสินค้าคงเหลือ หรือสินทรัพย์ถาวร เมื่อเคลียร์ในส่วนนี้เรียบร้อยแล้วจากนั้นจึงดำเนินการจดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีบริษัทจำกัด และต้องเช็คด้วยว่าบริษัทได้จดเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ หากเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม  ก็จะมีขั้นตอนในการแจ้งเลิกภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย ตามขั้นตอนดังนี้

  1. การจะจดทะเบียนเลิกบริษัทจำกัดนั้นจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อ
  • ออกหนังสือนัดผู้ประชุมผู้ถือหุ้น (ก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่า 14 หรือตามที่กำหนดในข้อบังคับ)
  • ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องที่อย่างน้อย 1 คราวและส่งทางไปรษณีย์ตอบรับหรือส่งมอบถึงตัวผู้ถือหุ้น
  • จัดประชุมผู้ถือหุ้นด้วยมติคะแนนเสียงข้างมากไม่ต่ำกว่า3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
  • เมื่อมติลงความเห็นให้ปิดกิจการจึงดำเนินการจัดทำคำขอจดทะเบียนขอยกเลิกกิจการ (ภายใน 14 วันนับจากวันที่มีมติ)
  1. จดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีบริษัทจำกัด
  • จดทะเบียนเลิกบริษัท
  • จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี
  1. ยื่นเอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนเลิกบริษัทประกอบด้วย
  • คำขอจดทะเบียน (แบบ ลช.1)
  • รายการจดทะเบียน (แบบ ลช 2)
  • คำสั่งศาลให้เลิกบริษัท (กรณีศาลสั่งให้เลิก)
  • สำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นทั้ง 2 ครั้งซึ่งลงมติให้เลิกบริษัท โดยกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อรับรองความถูกต้อง
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ชำระบัญชีที่ลงชื่อในคำขอจดทะเบียน
  • หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
  • สำเนาบัตรทนายความหรือหลักฐานการเป็นสมาชิกเนติบัณฑิตตยสภาของผู้รับรองลายมือชื่อ (ถ้ามี)
  1. จัดทำงบการเงิน ณ วันเลิกบริษัทและส่งให้ผู้ตรวจสอบบัญชีตรวจสอบ เมื่อผู้ตรวจสอบบัญชีเห็นว่าถูกต้องไม่มีข้อบกพร่องให้จัดตั้งผู้ชำระบัญชี เรียกให้ผู้ถือหุ้นชำระเงินค่าหุ้น ขายทรัพย์สิน เรียกลูกหนี้ให้ชำระหนี้ ชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ ชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายที่กรรมการบริษัทได้ออกไปในการดำเนินกิจการค้าแทนบริษัท หากมีทรัพย์สินเหลือให้คืนทุนผู้ถือหุ้น
  2. หากการตรวจสอบบัญชีไม่ผ่าน ผู้ชำระบัญชีต้องจัดทำรายงานการชำระบัญชี (แบบ ลช 3) ยื่นต่อนายทะเบียนทุกระยะ3 เดือน และในการกรณีชำระบัญชีไม่เสร็จเกินกว่า 1 ปี ผู้ชำระบัญชีต้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อครบปีทุกปี เพื่อรายงานความเป็นไปของการชำระบัญชี
  3. เมื่อชำระบัญชีดำเนินการชำระบัญชีเสร็จสิ้นแล้ว ต้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อรายงานผลการชำระบัญชี แล้วจึงจดทะเบียนเสร็จชำระบัญชีต่อนายทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันประชุมอนุมัติเสร็จการชำระบัญชี

เอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี

  • คำขอจดทะเบียน (แบบ ลช 1)
  • รายการจดทะเบียน (แบบ ลช 2)
  • รายงานการชำระบัญชี (แบบ ลช 3) พร้อมเอกสารประกอบ
  • รายละเอียดบัญชีและสรรพเอกสาร (แบบ ลช 6)
  • สำเนาบัตรประจำตัวของผู้ชำระบัญชีที่ลงชื่อในคำขอจดทะเบียน
  • สำเนาบัตรทนายความหรือหลักฐานการเป็นสมาชิก
  • แบบรับรองการตรวจสอบบัญชีของกรมสรรพากร
  • หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
  1. ดำเนินการขอแจ้งเลิกประกอบกิจการในทางภาษีมูลค่าเพิ่มกับทางกรมสรรพากร ณ พื้นที่ที่บริษัทตั้งอยู่ (ผู้ประกอบการต้องแจ้งเลิกประกอบกิจการภายใน 15 วัน นับจากวันที่เลิกประกอบกิจการ) และต้องคืนบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี ในนามบริษัทที่เลิกภายใน 60 วันตามแบบ ลป.10.3 ซึ่งสามารถยื่นพร้อมกันกับการไปแจ้งเลิกภาษีมูลค่าเพิ่มได้

โดยเตรียมเอกสารต่าง ๆ สำหรับแจ้งเลิกประกอบกิจการในทางภาษีมูลค่าเพิ่มตามนี้

  • ยื่นแบบ ภพ.09 จำนวน 5 ฉบับ
  • ภพ.01 และ ภพ.09 (ฉบับจริง)
  • ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภพ.20 (ฉบับจริง)
  • สำเนาใบเสร็จแสดงการชำระภาษี (ภพ.30) พร้อมสำเนาแบบนับแต่วันแจ้งเลิก ย้อนหลัง 2 ปี
  • สำเนาใบเสร็จแสดงการชำระภาษี (ภงด.50, ภงด.51)พร้อมสำเนาแบบ นับตั้งแต่วันแจ้งเลิก ย้อนหลัง 2 ปี (พร้อมงบการเงิน)
  • หนังสือรับรองการเลิกนิติบุคคลจากกระทรวงพาณิชย์ (ฉบับจริงพร้อมสำเนา)
  • สำเนาบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม (พร้อมตัวจริง)
  • หนังสือมอบอำนาจ (ติดอากรแสตมป์ 10 บาท) และสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (กรณีมอบอำนาจมากระทำการแทน)

ทั้งนี้ขั้นตอนการขอยกเลิกกิจการนั้นอาจจะเสียเวลาในช่วงการเก็บเอกสารทางบัญชีและการตรวจสอบบัญชีให้ถูกต้องเท่านั้น หากผ่านกระบวนตรงนี้ไปแล้วที่เหลือเพียงแค่ยื่นเอกสารตามขั้นตอนก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรแล้ว หรือคุณอาจจะใช้บริการบริการด้านกฎหมายและทนายความซึ่งจะมีบริการช่วยดำเนินการแทนในการยื่นจดทะเบียนเลิกบริษัทก็ได้เช่นกัน

ข้อมูลติดต่อของบริษัททีเอสแอล:

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยื่นขอวีซ่าหรือขอบริการด้านกฎหมาย, กรุณาไปที่หน้าติดต่อเรา

นอกประเทศ: +662-026-1913

ในประเทศไทย: 02-026-1913

อีเมล์:Info@tslthailand.com

How can we help you?

Visit us at our TSL Office in Bangkok or contact us by phone or on-line message at: