การยุบบริษัท
เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ สำหรับประเทศไทยนั้น หากว่าบริษัทไม่สามารถนำมาซึ่งรายได้และผลกำไรที่เพียงพอหรือมีการขาดทุน ก็มีเหตุจำเป็นที่บริษัทต้องปิดกิจการและออกทะเบียนล้มเลิกบริษัท
สถานการณ์ที่คุณต้องทำการยุบบริษัทและชำระบัญชี
- เลิกโดยผลของกฎหมาย
- กรณีข้อบังคับกำหนดเหตุเลิกไว้และเมื่อมีเหตุนั้นเกิดขึ้น
- ตั้งบริษัทโดยกำหนดระยะเวลาไว้และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลานั้น
- ตั้งบริษัทเพื่อทำกิจการอย่างหนึ่งอย่างใด และเมื่อทำกิจการนั้นเสร็จแล้ว
- บริษัทล้มละลาย
- นายทะเบียนขีดชื่อบริษัทออกจากทะเบียน (ถอนทะเบียนร้าง)
- โดยความประสงค์ของผู้ถือหุ้น
- ผู้ถือหุ้นลงมติให้เลิกบริษัท
- เลิกโดยคำสั่งศาล เหตุที่ศาลจะสั่งเลิกบริษัท คือ
- ทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัทหรือทำผิดในการประชุมตั้งบริษัท
- บริษัทไม่เริ่มประกอบการภายใน 1 ปี นับแต่จะทะเบียนหรือหยุดทำการถึง1 ปี
- การค้ามีแต่ขาดทุนและไม่มีหวังกลับฟื้นคืน
- จำนวนผู้ถือหุ้นเหลือไม่ถึง 7 คน
เมื่อตกลงที่จะปิดกิจการแล้วอันดับแรกที่คุณควรให้ความสำคัญคือการเคลียร์พันธะภาระต่าง ๆ เช่นตรวจสอบว่าเรายังมีลูกหนี้การค้า หรือหนี้สินอื่น ๆ หรือไม่ พร้อมตรวจสอบสินค้าคงเหลือ หรือสินทรัพย์ถาวร เมื่อเคลียร์ในส่วนนี้เรียบร้อยแล้วจากนั้นจึงดำเนินการจดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีบริษัทจำกัด และต้องเช็คด้วยว่าบริษัทได้จดเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ หากเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็จะมีขั้นตอนในการแจ้งเลิกภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย ตามขั้นตอนดังนี้
- การจะจดทะเบียนเลิกบริษัทจำกัดนั้นจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อ
- ออกหนังสือนัดผู้ประชุมผู้ถือหุ้น (ก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่า 14 หรือตามที่กำหนดในข้อบังคับ)
- ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องที่อย่างน้อย 1 คราวและส่งทางไปรษณีย์ตอบรับหรือส่งมอบถึงตัวผู้ถือหุ้น
- จัดประชุมผู้ถือหุ้นด้วยมติคะแนนเสียงข้างมากไม่ต่ำกว่า3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
- เมื่อมติลงความเห็นให้ปิดกิจการจึงดำเนินการจัดทำคำขอจดทะเบียนขอยกเลิกกิจการ (ภายใน 14 วันนับจากวันที่มีมติ)
- จดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีบริษัทจำกัด
- จดทะเบียนเลิกบริษัท
- จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี
- ยื่นเอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนเลิกบริษัทประกอบด้วย
- คำขอจดทะเบียน (แบบ ลช.1)
- รายการจดทะเบียน (แบบ ลช 2)
- คำสั่งศาลให้เลิกบริษัท (กรณีศาลสั่งให้เลิก)
- สำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นทั้ง 2 ครั้งซึ่งลงมติให้เลิกบริษัท โดยกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อรับรองความถูกต้อง
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ชำระบัญชีที่ลงชื่อในคำขอจดทะเบียน
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- สำเนาบัตรทนายความหรือหลักฐานการเป็นสมาชิกเนติบัณฑิตตยสภาของผู้รับรองลายมือชื่อ (ถ้ามี)
- จัดทำงบการเงิน ณ วันเลิกบริษัทและส่งให้ผู้ตรวจสอบบัญชีตรวจสอบ เมื่อผู้ตรวจสอบบัญชีเห็นว่าถูกต้องไม่มีข้อบกพร่องให้จัดตั้งผู้ชำระบัญชี เรียกให้ผู้ถือหุ้นชำระเงินค่าหุ้น ขายทรัพย์สิน เรียกลูกหนี้ให้ชำระหนี้ ชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ ชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายที่กรรมการบริษัทได้ออกไปในการดำเนินกิจการค้าแทนบริษัท หากมีทรัพย์สินเหลือให้คืนทุนผู้ถือหุ้น
- หากการตรวจสอบบัญชีไม่ผ่าน ผู้ชำระบัญชีต้องจัดทำรายงานการชำระบัญชี (แบบ ลช 3) ยื่นต่อนายทะเบียนทุกระยะ3 เดือน และในการกรณีชำระบัญชีไม่เสร็จเกินกว่า 1 ปี ผู้ชำระบัญชีต้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อครบปีทุกปี เพื่อรายงานความเป็นไปของการชำระบัญชี
- เมื่อชำระบัญชีดำเนินการชำระบัญชีเสร็จสิ้นแล้ว ต้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อรายงานผลการชำระบัญชี แล้วจึงจดทะเบียนเสร็จชำระบัญชีต่อนายทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันประชุมอนุมัติเสร็จการชำระบัญชี
เอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี
- คำขอจดทะเบียน (แบบ ลช 1)
- รายการจดทะเบียน (แบบ ลช 2)
- รายงานการชำระบัญชี (แบบ ลช 3) พร้อมเอกสารประกอบ
- รายละเอียดบัญชีและสรรพเอกสาร (แบบ ลช 6)
- สำเนาบัตรประจำตัวของผู้ชำระบัญชีที่ลงชื่อในคำขอจดทะเบียน
- สำเนาบัตรทนายความหรือหลักฐานการเป็นสมาชิก
- แบบรับรองการตรวจสอบบัญชีของกรมสรรพากร
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- ดำเนินการขอแจ้งเลิกประกอบกิจการในทางภาษีมูลค่าเพิ่มกับทางกรมสรรพากร ณ พื้นที่ที่บริษัทตั้งอยู่ (ผู้ประกอบการต้องแจ้งเลิกประกอบกิจการภายใน 15 วัน นับจากวันที่เลิกประกอบกิจการ) และต้องคืนบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี ในนามบริษัทที่เลิกภายใน 60 วันตามแบบ ลป.10.3 ซึ่งสามารถยื่นพร้อมกันกับการไปแจ้งเลิกภาษีมูลค่าเพิ่มได้
โดยเตรียมเอกสารต่าง ๆ สำหรับแจ้งเลิกประกอบกิจการในทางภาษีมูลค่าเพิ่มตามนี้
- ยื่นแบบ ภพ.09 จำนวน 5 ฉบับ
- ภพ.01 และ ภพ.09 (ฉบับจริง)
- ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภพ.20 (ฉบับจริง)
- สำเนาใบเสร็จแสดงการชำระภาษี (ภพ.30) พร้อมสำเนาแบบนับแต่วันแจ้งเลิก ย้อนหลัง 2 ปี
- สำเนาใบเสร็จแสดงการชำระภาษี (ภงด.50, ภงด.51)พร้อมสำเนาแบบ นับตั้งแต่วันแจ้งเลิก ย้อนหลัง 2 ปี (พร้อมงบการเงิน)
- หนังสือรับรองการเลิกนิติบุคคลจากกระทรวงพาณิชย์ (ฉบับจริงพร้อมสำเนา)
- สำเนาบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม (พร้อมตัวจริง)
- หนังสือมอบอำนาจ (ติดอากรแสตมป์ 10 บาท) และสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (กรณีมอบอำนาจมากระทำการแทน)
ทั้งนี้ขั้นตอนการขอยกเลิกกิจการนั้นอาจจะเสียเวลาในช่วงการเก็บเอกสารทางบัญชีและการตรวจสอบบัญชีให้ถูกต้องเท่านั้น หากผ่านกระบวนตรงนี้ไปแล้วที่เหลือเพียงแค่ยื่นเอกสารตามขั้นตอนก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรแล้ว หรือคุณอาจจะใช้บริการบริการด้านกฎหมายและทนายความซึ่งจะมีบริการช่วยดำเนินการแทนในการยื่นจดทะเบียนเลิกบริษัทก็ได้เช่นกัน